วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ไวรัสคอมพิวเตอร์
ไวรัสคอมพิวเตอร์(computer virus) หรือเรียกสั้นๆว่า ไวรัส คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่บุกรุกเข้าไปในเครื่องคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ ส่วนมากมักจะพัฒนาขึ้นเพื่อสร้างความเสียหายให้กับระบบของเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นๆ ซึ่งไวรัสแบ่งออกเป็น6ประเภท ดังนี้
1.ไวรัสพาราสิต (parasitic virus)  ไวรัสประเภทนี้จะเริ่มทำงานและจำลองตัวเองเมื่อมีการเรียกใช้งานไฟล์ที่ติดไวรัส  ไวรัสคอมพิวเตอร์โดยส่วนมากจะเป็นประเภทนี้
2.ไวรัสบูตเซกเตอร์(boot sector virus ) ไวรัสประเภทนี้จะฝังตัวลงไปในบูตเซกเตอร์  แทนที่คำสั่งที่ใช้ในการเริ่มต้มการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ เมื่อเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้นใช้งาน ไวรัสประเภทนี้จะโหลดตัวเองเข้าไปที่หน่วยความจำก่อนที่จะโหลดระบบปฏิบัติการ หลังจากนั้นจะสำเนาตัวเองไปฝังอยู่กับไฟล์อื่นๆด้วย
3.ไวรัสสเตลท์(stealth virus) ไวรัสประเภทนี้เป็นไวรัสที่มีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้อยู่ในรูปแบบที่โปรแกรมป้องกันไวรัสต่างๆ ตรวจไม่พบ และเมื่อไปติดกับโปรแกรมใดแล้วจะทำให้โปรแกรมนั้นมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
4.ไวรัสโพลีมอร์ฟิก(macro virus) ไวรัสประเภทนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงตัวเองทุกครั้งที่ติดต่อไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะส่งผลทำให้ไวรัสประเภทนี้ตรวจพบได้ยาก
5.ไวรัสแมโคร(macro virus) ไวรัสประเภทนี้จะมีผลกับ Macro Application (มักจะพบในโปรแกรมประเภท Word Processors ) เมื่อผู้ใช้เรียกใช้ไฟล์ที่มีไวรัสติดมาด้วย จะทำให้ไวรัสไปฝังตัวอยู่ที่หน่วยความจำจนเต็มซึ่งจะทำให้การทำงานของคอมพิวเตอร์ช้าลง และอาจส่งผลเสียกับข้อมูลที่เก็บอยู่ในคอมพิวเตอร์ได้
6.หนอนอินเทอร์เน็ต(worm) เป็นไวรัสคอมพิวเตอร์ชนิดหนึ่งที่จะติดต่อกันได้ทางอินเทอร์เน็ตสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว โดยไวรัสชนิดนี้จะคัดลอกตัวเองซ้ำแล้วใช้ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นสื่อในการแพร่กระจายซึ่งโดยทั่วไปจะมากับอีเมล  ตัวอย่างของหนอนอินเทอร์เน็ต คือ Adore โดยจะทำการค้นหาเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีระบบปฏิบัติการ Linux หลังจากนั้นจะสร้างช่องทางในคอมพิวเตอร์เพื่อให้แฮกเกอร์ (hacker) สามารถเข้าไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นได้

ที่มา: หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2558

สู้เพื่อเเม่

  สู้เพื่อเเม่
   เเม่คือผู้กำเนิดเรา อุ้มท้องเรามาตั้ง9เดือน เเม่ทนเหนื่อยมากมายเพื่อเรา เวลาเราไม่สบายเเม่ก็คอยหายามาให้เรากินเเม่ก็ค่อยป้อนยาให้เราา ค่อยอาบน้ำเช้ดตัวให้เรา พระคุรของเเม่นั้นไม่สามารถทดเเทนได้หมด ไม่มีเเม่คนไหนที่ไม่รักลูกตัวเอง เเม่ทนเหนื่อย ทำงานหนักเพื่อหาเงินมาให้เราได้สิ่งที่ต้องการ ตั้งเเต่เล็กจนโตเเม่เฝ้าสอนให้พวกเราทุกคนเป้นคนดี เเม่ให้ความรักอย่างจริงใจเเม้ว่าเราจะทำผิดจนนับไม่ถ้วนเเม่ก้ยังให้อภัยเราเสมอ ให้รอยยิ้มที่จริงใจทั้งๆที่เเม่ก็ต้องเสียน้ำตาให้กับความผิดของเราไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตาม ไม่ว่าจะร้ายเเรงเพียงใดเเม่ก้พร้อมจะอ้าเเขนกอดเราด้วยความรักเสมอมา ในวันที่เราประสบความสำเร้จทางด้านการเรียนหรือการงาน ก็ตามเเต่ เราได้มีโอกาสตอบเเทนพระคุณเเม่เเม้มันอาจเป็นเพียงสิ่งเล้กไม่เท่ากับสิ่งที่เเม่เลี้ยงดูเรามา ดังนั้นคำว่า เเม่ เป็นคำที่ศักดิ์สิทธิ์ สูงที่สุด เเม่เปรียบเสมือนพระองค์เเรกของบ้าน ที่คอยเฝ้าตักเตือนให้เราทำสิ่งที่ถุกสิ่งที่ควร สอนให้เราทำเเก่ความดี การที่เราทดเเทนพระคุรนั้นเป็นสิ่งที่ดีเปรียบเสมือน "ต้นไม้ที่ได้รับการดูแลให้น้ำให้ปุ๋ยไปบำรุงลำต้นจนสมบูรณ์ เมื่อถึงเวลา ไม่ยอมออกดอกออกผล ก็ต้องโค่นทิ้งคนที่ได้รับการเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ แต่ไม่ยอมตอบแทนคุณพ่อแม่ก็เป็นคนหนักแผ่นดินทองคำ แท้หรือไม่โดนไฟก็รู้ คนดีแแท้หรือไม่ให้ดูตรงที่เลี้ยงพ่อแม่ ถ้าดีจริงต้องเลี้ยงพ่อแม่ ถ้าไม่เลี้ยง แสดงว่าดีไม่จริง เป็นพวกทองชุบ ทองเก๊" เเม่เป้นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ เป็นทั้งคนที่คอยให้กำลังใจเราในยามที่เราท้อเจออุปสรรคก้คอยให้คำปรึกษาเราในเรื่องต่างๆให้กับเรา การที่เราได้เกิดเป้นลุกเเม่นั้นเป้นสิ่งที่เราประทับใจที่สุด เเละการที่เเม่ให้ความรัก ความอบอุ่น เรามาจนถึงทุกวันนี้ก้ทำให้เรามีความสุขถึงเป้นเพียงความสุขเล็กๆน้อยๆเเต่มันเป็นสิ่งที่มีคุรค่ามากสำหรับลุกคนนี้ที่ได้เกิดเป็นลูกเเม่ อาจจะไม่มีคุรค่าสำหรับคนอื่นเเต่คำว่าเเม่นั้นมีคุณค่าสำหรับหนูมากมาก สุดท้ายนี้หนูอยากบอกเเม่ว่า  "หนูรักเเม่"